ในที่สุด น้องรถไฟของพี่ปายก็ออกมาลืมตาดูโลก ในวันอาทิตย์ที่ 12 ก.ค. 2552 เวลา 13.53 น. ด้วยน้ำหนัก 3,006 กรัม ป้ายังเห็นไม่ชัด เพราะเห็นตอนพยาบาลเข็นออกจากห้องผ่าตัดใหญ่ไปที่ห้องเด็กอ่อนเพื่อไปอาบน้ำและชั่งน้ำหนัก ป้าวิ่งไล่ตามไปดู เห็นหน้าผากขาว ตากระพริบไปมาเพราะยังไม่ชินกับแสง ผมดำหยักโศกนิดหน่อย ป้าเห็นอีกทีก็ตอนที่พยาบาลอุ้มมาให้ดูตรงกระจกในห้องเด็กอ่อน ท่าทางจะแข็งแรงเพราะเห็นดิ้นและร้องไม่หยุด เท้ากับมือออกเป็นสีม่วง พ่อแป๊ะถามลุงหมอ ลุงหมอบอกว่าเดี๋ยวก็หายไปเองและบอกอีกว่าแม่จูนต้องนอนพักอยู่ในห้องผ่าตัดอีกประมาณ 1 ชั่วโมง และพยาบาลจะเข็นขึ้นห้องทีหลัง
ตอนแม่จูนถูกเข็นเข้าห้องผ่าตัดใหญ่ ยายกับพ่อแป๊ะนั่งเฝ้าอย่างใจจดใจจ่ออยู่ตรงเก้าอี้เขียวๆ หน้าห้องผ่าตัดใหญ่ ป้าเจ้ยตามไปสมทบทีหลังหลังจากที่ส่งพี่ปายออกจากโรงพยาบาลกลับบ้านพร้อมยาถุงใหญ่ พี่ปาย อยากมาดูป้าจูนกับน้องรถไฟด้วย แต่ย่าให้กลับบ้านก่อนเพราะตอนนี้ไข้หวัดกำลังระบาด
ตาขับรถตามมาทีหลัง และหลังจากที่ตามาถึงไม่นาน แม่จูนก็ถูกเข็นออกมาจากห้องผ่าตัด พยาบาลพาขึ้นไปห้องพัก 603 หลังจากเข้าห้อง แม่จูนบอกอยากนอน ป้ากับอากล้าพากันขับรถลุยฝนกลับบ้าน ตาไปซื้อของที่โลตัส เหลือยายกับพ่อแป๊ะเฝ้าแม่จูนอยู่ในห้อง
ป้ากลับมาร้าน และบอกตัวเองว่าได้เวลาเขียน blog ให้น้องรถไฟของพี่ปายแล้ว ป้าคิดไว้ตั้งนานแล้ว แต่กะจะรอให้รถไฟเกิดก่อน แล้วค่อยเริ่มเขียน ตอนนี้ชื่อจริงและชื่อเล่นยังไม่มีการเรียกเป็นทางการ ป้าขอเรียกน้องรถไฟตามพี่ปายก่อนแล้วกัน